www.lawyer-thailand.com
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา กสทช. ได้ออกร่างประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการประมูลคลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล ประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ พ.ศ. 2556 และ กสทช. จะเตรียมจัดให้มีการประชุมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อร่างประกาศฯ ดังกล่าวเพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสร่วมแสดงความคิดเห็นในวันที่ 27 มิถุนายนนี้ เวลา 13.00 – 16.30 น. ณ ห้องกมลทิพย์ 2 โรงแรมเดอะสุโกศล หลังจากนั้น กสทช. จะดำเนินการนำความคิดเห็นที่ได้รับมาประมวลเพื่อสรุปและพิจารณาปรับปรุงร่างประกาศฯ ให้มีความเหมาะสมก่อนจะนำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลใช้บังคับต่อไป
ในการประชุมรับฟังความคิดเห็นที่กำลังจะเกิดมีขึ้นนี้คาดว่าจะมีประเด็นที่เป็นที่พูดถึงกันมากบนเวทีรับฟังความคิดเห็นอันจะเห็นได้จากการเป็นประเด็นที่มีการโต้เถียงหรือโต้แย้งกันมาก่อนหน้านี้ ซึ่งก็คือการกำหนดคลื่นความถี่ตามแผนความถี่วิทยุที่กำหนดให้คลื่นความถี่ในย่าน 700 MHz นั้นจะใช้ในกิจการโทรทัศน์ซึ่งมีความแตกต่างจากที่สหภาพโทรคมนาคม หรือ ITU กำหนดให้คลื่นความถี่ในช่วง 698 – 806 MHz ใช้สำหรับกิจการโทรคมนาคม รวมไปถึงการที่สมาคม GSMA หรือ The GSM Association ซึ่งเป็นสมาคมที่มีสมาชิกประกอบด้วยผู้ให้บริการสื่อสารเคลื่อนที่ในระบบ GSM กว่า 700 รายได้ร่อนหนังสือถึง กสทช. ให้พิจารณาทบทวนการจัดสรรคลื่นความถี่ให้เป็นแนวทางเดียวกับแผนย่านความถี่ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก หรือ Asia Pacific Telecommunity Band Plan ที่กำหนดให้คลื่นความถี่ 700 MHz ใช้สำหรับกิจการโทรคมนาคม
ประเด็นดังกล่าวข้างต้นแม้จะได้รับการยืนยันจาก กสทช. ว่าอย่างไรเสียก็จะไม่กระทบต่อการประมูลช่องทีวีดิจิตอลของไทยที่ถูกกำหนดไว้ในช่วงเดือนกันยายนปีนี้ แต่ท้ายที่สุดนำมาซึ่งการตั้งคณะกรรมการร่วมกันระหว่าง กสท. และคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม หรือ กทค. บอร์ดเล็กที่กำกับดูแลด้านโทรคมนาคม เพื่อร่วมกันศึกษาแนวทางการจัดการคลื่นความถี่ใหม่ว่าควรจะดำเนินการอย่างไร ดังนั้นประเด็นนี้จึงยังคงเป็นประเด็นที่น่าจับตามองของผู้เกี่ยวข้องและคาดว่าจะต้องมีการหยิกยกขึ้นมาพูดในเวทีรับฟังความคิดเห็นอย่างแน่นอน
ประเด็นต่อมาที่คาดว่าจะมีการพูดถึงกันในการประชุมรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้คือประเด็นราคาตั้งต้นในการประมูลช่องหมวดหมู่รายการเด็ก เยาวชนและครอบครัวที่จะประมูลกันจำนวน 3 ใบอนุญาต แบบระบบความคมชัดปกติ (Standard Definition) ที่ กสทช. กำหนดให้มีราคาตั้งต้นอยู่ที่ 140 ล้านบาท ซึ่งมีกระแสโต้แย้งว่าราคาตั้งต้นดังกล่าวเป็นราคาที่สูงเกินไปเนื่องจากเนื้อหาในช่องรายการเด็กนั้นจะต้องเน้นการนำเสนอรายการที่ส่งเสริมการเรียนรู้ การศึกษาในวิทยาการสาขาต่างๆ รวมถึงรายการสาระที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กเยาวชนหรือส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีของสมาชิกในครอบครัว ดังนั้นจำนวนของผู้รับชมจะไม่สูงหากเทียบกับช่องรายการประเภทอื่นๆ อันจะกระทบต่อการอยู่รอดของช่องรายการเด็กจากรายได้ค่าโฆษณา เนื่องจากบรรดาช่องรายการเด็กที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบันต่างไม่สามารถหารายได้ได้ด้วยตนเอง ต้องอาศัยรายได้เฉลี่ยจากช่องรายการอื่นเพื่อความอยู่รอด ในขณะที่ต้นทุนต่างๆ อันประกอบด้วยจำนวนเงินค่าประมูล จำนวนเงินที่จ่ายให้ผู้ให้บริการโครงข่าย ต้นทุนที่ใช้ในการผลิตรายการหรือลิขสิทธิ์รายการต่างๆ ที่นำมาเผยแพร่ กลับไม่ต่างจากช่องรายการประเภทอื่นมากนัก อีกทั้งรายได้จากค่าโฆษณามีจำนวนน้อยมาก
นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องหลักประกันการประมูลที่ร่างประกาศฯ กำหนดว่าการวางหลักประกันการประมูลนั้นจะต้องเป็นเงินสดหรือเช็คที่ธนาคารสั่งจ่ายเท่านั้น โดยมีผู้โต้แย้งในช่วงที่ผ่านมาว่าการกำหนดเช่นนั้นขัดกับหลักการที่มุ่งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรายใหม่และรายย่อยที่เชื่อถือได้มีโอกาสเข้าร่วมประมูล เนื่องจากอาจติดขัดในการหาเงินสดหรือออกเช็คมาวางเป็นหลักประกัน จึงเคยมีการเสนอก่อนหน้านี้ว่าควรเพิ่มช่องทางการใช้หนังสือค้ำประกันจากสถาบันการเงินประเภทธุรกิจธนาคารพาณิชย์ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 หรือ Bank Guarantee เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการวางหลักประกันด้วย จึงเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่คาดว่าบรรดาผู้ประกอบการน่าจะหยิบยกขึ้นมาในการประชุมรับฟังความคิดเห็นด้วย
กับทั้งยังคาดว่าน่าจะมีประเด็นที่มีผู้ไม่เห็นด้วยที่ร่างประกาศฯ กำหนดให้ผู้เข้าร่วมประมูลมีสิทธิเสนอราคากี่ครั้งก็ได้ภายในกำหนดเวลาการประมูลของแต่ละหมวดหมู่คือ 60 นาที ซึ่งผู้ที่ไม่เห็นด้วยนั้นต่างแสดงความคิดเห็นว่าการกำหนดเวลาดังกล่าวไม่ส่งผลดีต่อการประมูลเพราะผู้ที่เข้าร่วมประมูลล้วนแต่เป็นผู้ที่ดำเนินธุรกิจ ผู้ที่ทำธุรกิจย่อมรู้กำลังตนเองว่าจะสามารถประมูลในราคาที่สูงได้เพียงใด การกำหนดเวลา 60 นาทีจึงไม่มีประโยชน์ใดๆ ทั้งยังขัดกับหลักการประมูลที่เน้นประสิทธิภาพในการแข่งขันนั้น จึงไม่ควรกำหนดระยะเวลาตายตัวว่าจะจบลงภายในระยะเวลาเท่าใด แต่ควรจะกำหนดให้หยุดลงเมื่อไม่มีการเสนอราคาเพิ่มเติมภายในระยะเวลาที่สมควร ดังนั้นจึงมีการโต้แย้งในเรื่องนี้ก่อนหน้านี้แล้ว และมีการเสนอให้กำหนดเงื่อนไขการสิ้นสุดการประมูลเพิ่มเติมในกรณีที่ไม่มีการเสนอราคาเพิ่มขึ้นอีกภายในระยะเวลาที่เหมาะสมนับแต่การเสนอเพิ่มราคาครั้งก่อนหน้า โดยการกำหนดเงื่อนไขดังกล่าวเป็นไปเพื่อให้ได้ราคาประมูลที่มีประสิทธิภาพโดยเปิดให้มีการตัดสินใจอย่างเพียงพอในการประมูลรอบสุดท้าย อีกทั้งยังเป็นการป้องกันการใช้ยุทธวิธีจู่โจมการประมูลโดยแย่งชิงความได้เปรียบในช่วงเวลาสุดท้ายของการประมูลด้วย
ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นเพียงบางประเด็นที่ผู้เขียนคาดการณ์ว่าน่าจะมีการพูดถึงในการประชุมรับฟังความคิดเห็นในวันที่ 27 มิถุนายนนี้ ซึ่งเชื่อแน่ว่าในการรับฟังความคิดเห็นจริง จะมีประเด็นมากกว่านี้อีก ผู้อ่านที่สนใจยังสามารถเข้าไปดาวน์โหลดดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซด์ของ กสทช. และสามารถแสดงความจำนงในการเข้าร่วมการประชุมรับฟังความคิดเห็นได้จนถึงวันที่ 25 มิถุนายนนี้