www.lawyer-thailand.com
สถานการณ์ความคืบหน้าในการจัดประมูลใบอนุญาตทีวีดิจิตอลภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ภายหลังจากวันที่ 22 พฤษภาคม 2556 บอร์ด กสทช. ได้อนุมัติเรื่องการกำหนดราคาและหลักเกณฑ์การประมูลซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการจำนวนมากที่จะเข้าร่วมประมูลช่อง ช่องทีวีดิจิตอลทั้ง 24 ช่อง บทความฉบับนี้เราจะขอนำเสนอประเด็นต่างๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการประมูลทีวีดิจิตอล
ในการจัดประมูลครั้งนี้จะต้องมีผู้ทำหน้าที่จัดการประมูล ซึ่งที่ประชุม กสท. ได้ทำการพิจารณาเลือกผู้กำกับดูแลการประมูลทีวีดิจิตอลแล้ว โดยที่ประชุมเห็นชอบให้บริษัท กสท. โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการประมูลคลื่นความถี่โทรทัศน์ในระบบดิจิตอล ประเภทบริการทางธุรกิจในครั้งนี้ บอร์ด กสท. ได้ให้เหตุผลในการเลือกไว้ว่าสาเหตุที่เลือก CAT นั้นเนื่องจากเล็งเห็นแล้วว่าเป็นบริษัทโปร่งใส เพราะเป็นองค์กรรัฐวิสาหกิจ มีประสบการณ์ทางด้านอี – ออคชั่นมาแล้วกว่า 7 – 8 ปี หรือประมาณ 8 หมื่นครั้ง อย่างเช่นการประมูลการสร้างศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา ถนนแจ้งวัฒนะ ที่มีมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยหลังจากมีมติเลือกแล้ว CAT มีหน้าที่จะต้องยืนยันกับ กสทช. ว่าไม่มีส่วนได้เสียใดๆ กับผู้เข้าประมูลในครั้งนี้ ถ้าหากทาง กสทช. พบว่า CAT มีส่วนเกี่ยวข้องทางใดทางหนึ่ง กสทช. ก็จะไม่เลือกบริษัทดังกล่าวมาเป็นผู้ดำเนินการแน่นอน เนื่องจากเกรงว่าจะมีผลประโยชน์ทับซ้อน
บริษัทที่ได้รับคัดเลือกนั้นจะต้องทำหน้าที่เป็นตลาดกลางในเรื่องของการประมูลในแง่ของอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงซอฟต์แวร์ที่จะต้องปรับให้เข้ากับสิ่งที่ กสทช. กำหนดด้วย จากนั้นจึงดำเนินการประมูล ทั้งนี้ในการประมูลจะมีการดำเนินการถ่ายทอดสดในโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบปกติหรือฟรีทีวีด้วย เพื่อแสดงถึงความโปร่งใส จึงคาดว่าจะมีการเปิดประมูลได้ภายในปลายปีนี้ ส่วนงบการประมูลประคาดการณ์ไว้อยู่ที่ 10 ล้านบาท
ในส่วนของการประมูลช่องรายการเด็กนั้น เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา กสทช. เผยว่าจะวางหลักเกณฑ์การประมูลช่องเด็กเพิ่มเติม จากเดิมที่กำหนดช่องให้ประมูลไว้จำนวน 3 ช่องและกำหนดราคาประมูลเริ่มต้นไว้ที่ 140 ล้านบาท โดยรายละเอียดเบื้องต้นจะนำช่องโทรทัศน์ของ ไทยพีบีเอส มาพัฒนาเป็นช่องสำหรับเด็กและครอบครัว พร้อมทั้งกำหนดให้มีการควบคุมโฆษณาที่ฉายในขณะนั้น นอกจากนั้นแล้วช่องรายการสำหรับเด็กควรแบ่งเป็นช่วงอายุตั้งแต่ 1-3 ปี 6 ปี 10 ปี และ 12 ปี เพื่อให้รายการโทรทัศน์มีความเหมาะสมกับวัยและวิจารณญาณของเด็กและเยาวชนที่ดูอยู่ในช่วงเวลาดังกล่าว
หลักการดังกล่าวทำให้คาดว่าช่องรายการโทรทัศน์สำหรับเด็กอาจมีปัญหาเรื่องขาดรายได้ในการโฆษณา ซึ่งผู้ประกอบการสื่อโทรทัศน์รายหนึ่ง แสดงความเห็นว่าช่องทีวีเด็กไม่ควรนำมาประมูลแต่ควรจับช่องเด็กไปรวมกับรายการสาธารณะเพราะมีรายได้น้อยจากโฆษณาและเรตติ้งจากผู้ชมน้อยกว่ารายการโทรทัศน์ประเภทอื่น หากกำหนดให้มีการประมูลจะทำให้ต้นทุนของรายการโทรทัศน์เด็กสูงขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลให้วัตถุประสงค์ของรายการสำหรับเด็กเปลี่ยนไป เช่น ผู้ประกอบการอาจนำภาพยนตร์การ์ตูนที่มีความรุนแรงและเป็นที่นิยมของเด็กมาฉายมากขึ้น แต่กลับไม่เป็นการพัฒนาทางด้านจิตใจต่อเด็ก ปัญหาเรื่องทีวีช่องของเด็กนั้นยังต้องได้รับการพิจารณาเพิ่มเติมพร้อมกำหนดแนวทางที่จะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ก่อนที่ กสทช. จะมีการจัดให้มีการประมูลทีวีดิจิตอลขึ้น
จากหลักการที่ดีของการจัดประมูลทำให้คาดการณ์ว่า การประมูลทีวีดิจิตอลในปลายปีที่จะถึงนี้จะมีการพลิกโฉมให้กับประวัติศาสตร์วงการโทรทัศน์ของบ้านเรา ขณะที่มีการคาดการณ์กันว่ามีจำนวนผู้ประมูลหลายรายได้ให้ความสนใจเข้าประมูลในหลายช่องรายการ ซึ่งข่าวที่ออกมาในตอนนี้นั้นเป็นเพียงกระแสเริ่มต้น ยังมีเวลาอีกพอสมควรก่อนจะเริ่มก่อนการประมูลที่ ในช่วงเวลาต่อไปนี้ จึงต้องรับฟังข่าวสารเพิ่มเติมอย่างใกล้ชิดต่อไป